“รปภ. อาชีพต่ำต้อยด้อยคุณค่า?..กับเงินเดือนที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและความเสี่ยง”
ค่าของคนวัดที่ผลของงาน คำพูดติดหูที่ใครหลายคนต่างเอามาเป็นหลักยึดในการดำเนินชีวิต
แต่ทำไมอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัยหรือ รปภ. ถึงถูกมองว่าเป็นอาชีพที่ต่ำต้อยด้อยคุณค่า โดนดูถูกเหยียดหยามเพียงเพราะว่าใส่เครื่องแบบของรปภ.ไม่ใช่เครื่องแบบทหารหรือตำรวจ?
จากสภาพแวดล้อมในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ความปลอดภัย” เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการดำรงชีพของมนุษย์ และนั่นทำให้เกิดอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัยหรือ รปภ. ซึ่งทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับชีวิตและทรัพย์สินของผู้ว่าจ้างตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ภาพลักษณ์ของ รปภ. ที่หลายคนมองเห็นกลับดูต่ำต้อยในฐานะของยามรักษาการณ์ คนโบกรถ คนยกของหน้าบริษัท หรือบุคคลที่จะสามารถทำอะไรก็ได้ตามคำสั่งของคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานหรือมีฐานเงินเดือนที่สูงกว่า
ไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญาก็เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยหรือรปภ.ได้?
เพราะมีวุฒิการศึกษาที่ต่ำกว่าใช่หรือไม่ ถึงได้ถูกมองว่าเป็นอาชีพที่ต่ำต้อยในสังคมไทย เพราะรายได้ต่อเดือนต่ำกว่าอาชีพอื่นโดยทั่วไป ถึงเป็นได้แค่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่โดนดูแคลน
แต่ใครเล่าจะรู้ว่า กว่าจะเป็น รปภ. ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย!!!
ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่เดินเข้ามากรอกใบสมัครแล้วจะได้เป็นหนักงานรักษาความปลอดภัย ตำแหน่งหน้าที่นี้ก็ต้องการคุณสมบัติของผู้สมัครไม่ต่างจากสายอาชีพอื่น เพียงแต่วุฒิการศึกษาไม่ใช่ส่วนสำคัญสำหรับสายงานนี้ แต่เป็นสภาพร่างกายและสภาพจิตใจต่างหากที่สายอาชีพนี้ต้องการ รวมถึงคุณสมบัติหลักต่างๆ ดังนี้
- ส่วนสูงและน้ำหนักต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
- มีระเบียบวินัย ร่างกายแข็งแรง มีความอดทน
- ช่างสังเกต มีไหวพริบ และปฏิภาณดี
- มีบุคลิกภาพที่ดีและเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี
- ไม่เคยต้องโทษคดีอาญาหรือคดีร้ายแรง
- ไม่เป็นผู้ข้องเกี่ยวกับสารเสพติด การพนัน และไม่เป็นโรคติดต่อที่สังคมรังเกียจ
- ต้องมีบุคคลค้ำประกันและมีถิ่นฐานที่อยู่ที่แน่นอน
- ต้องผ่านการอบรมตามที่ พ.ร.บ. ธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558 กำหนดไว้ คือ อบรมภาคทฤษฎี 16 ชั่วโมงและอบรมภาคปฏิบัติ 24 ชั่วโมง รวมเป็น 40 ชั่วโมง
“หลบหน้ากูทำไม? กูเพื่อนมึงไงจำไม่ได้เหรอวะ?”
ประโยคสนทนาที่แว่วเข้าหูชวนให้หันไปมองว่าคนที่พูดอยู่นั่นเป็นใคร ชายร่างสูงผิวขาวใส่สูทผูกไทที่ดูจากลักษณะภายนอกก็รู้ได้ว่าคงมีหน้าที่การงานที่ดีพอสมควร ส่วนคู่สนทนาคือพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าที่โบกรถให้ชายคนนั้นเข้าไปจอด เขากอด รปภ. คนนั้นแน่นซ้ำยังพูดคุยด้วยอีกหลายประโยคก่อนจะเดินเข้าห้างสรรพสินค้าไป แล้วรอยยิ้มของ รปภ. ก็ทำให้เรายิ้มตามอย่างนึกสงสัยว่ามันเป็นเพราะเหตุใด รปภ. คนนั้นถึงได้ทำเหมือนว่าไม่รู้จักเพื่อนของตนเอง
อาจเป็นเพราะค่านิยมในปัจจุบันที่มักจะวัดค่าของคนจากรายได้ในแต่ละเดือนที่เขาคนนั้นได้มา และเมื่ออาชีพ รปภ. เป็นอาชีพที่มีรายได้ต่ำจึงถูกมองว่าเป็นอาชีพที่ต่ำต้อยและจำต้องทนรับการดูถูกเหยียดหยามจากคนในสังคมไทย จนในที่สุดก็เลือกที่จะปกป้องตัวเองด้วยการแยกชนชั้นวรรณะว่าตนเองนั่นด้อยกว่าไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่มีเงินเดือนหรือหน้าที่การงานสูงกว่าได้
มันเป็นเพราะค่านิยมของสังคมไทยใช่ไหม? ที่ทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่รู้สึกภาคภูมิใจในอาชีพของตนเอง
แต่ถ้าค่าของคนมันวัดที่ผลของงานแล้วละก็... รปภ. ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ควรได้รับการยกย่องใช่หรือไม่? ถ้าเขาเหล่านั้นสามารถทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างดีเยี่ยม สังคมก็ควรให้เกียรติอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัยเยี่ยงอาชีพอื่นๆ อย่าลืมว่า รปภ. ก็เป็นคนที่มีหัวใจ เขามีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างจากเรา
“ฮีโร่กลุ่มนี้ไม่มีเกาะเหล็กห่อหุ้มร่างกาย แต่พวกเขายอมเสี่ยงตายเพื่อรายได้ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน”